top of page

แชร์ ! คู่มือเทคนิคการใช้งานรถดับเพลิง



และแน่นอนว่าก่อนที่เราจะมีการใช้งานรถดับเพลิงนั้น เราก็ต้องมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับรถดับเพลิงและเทคนิคการใช้งานรถดับเพลิงกันซะก่อน P.I.E Premium Modern Truck ได้เตรียมข้อมูลเกี่ยวกับรถดับเพลิงมาให้คุณแล้ว

รถดับเพลิง หรือว่ารถยนต์บรรทุกน้ำแบบอเนกประสงค์ ถูกนำมาใช้ในการสนับสนุนดับเพลิง ทำหน้าที่ส่งน้ำและเจ้าหน้าที่ไปปฏิบัติงานดับเพลิงในสถานที่ต่าง ๆ นั่นเอง ตัวรถจะติดตั้งถังน้ำขนาดใหญ่ใส่น้ำปริมาณมาก พร้อมกับอุปกรณ์สำหรับปฏิบัติงาน รวมถึงไซเรนและอุปกรณ์สื่อสารต่าง ๆ อีกด้วย

สำหรับการใช้งานรถดับเพลิง มีตามขั้นตอนดังนี้

1. สตาร์ทเครื่องยนต์ กดเปิด MAIN SWITCH ที่แผงสวิตช์ข้างคนขับ



2) เมื่อขับรถไปถึงที่หมาย จอดรถในจุดที่ปลอดภัย ดึงเบรกมือทุกครั้ง

3) เหยียบแป้นกดคลัทช์ให้สุดระยะ

4) กดเปิดสวิตช์ PTO บนแผงสวิชต์ด้านข้างคนขับ เพื่อเข้าเกียร์ปั๊ม (PUMP PTO) รอจนกว่าไฟแสดงสถานะว่าปั๊มน้ำพร้อมใช้งานติด (ไฟสีเขียวที่สวิตช์ติด) หรือรอประมาณ 3 วินาที

5) ค่อย ๆ ปล่อยแป้นกดคลัทช์ช้า ๆ จนสุดระยะ

6) ลงจากรถเพื่อไปกดเปิดสวิตช์หลักที่แผงควบคุมท้ายท้ายรถดับเพลิง (กดสวิตช์สีเขียว)



7) เปิดวาล์วส่งน้ำจากถังน้ำดับเพลิงเข้าปั๊มน้ำดับเพลิง โดยการหมุนวงล้อเปิดวาล์วน้ำสีดำในทิศทางทวนเข็มนาฬิกา

8) เร่งรอบเครื่องยนต์ให้มีความเร็วระหว่าง 1,200 – 1,500 รอบ/นาที โดยการหมุนคันเร่งด้านท้ายรถทวนเข็มนาฬิกา

9) ตรวจดูมาตรวัดแรงดัน ให้แรงดันน้ำอยู่ที่ 3 บาร์

10) เปิดวาล์วส่งน้ำวนกลับถังบรรจุน้ำดับเพลิง โดยการยกคันโยกเปิดวาล์ว (สีแดง) ด้านซ้ายสุดขึ้น และปิดวาล์วส่งน้ำวนกลับถังทันทีเมื่อมีน้ำออกจากปืนฉีดน้ำแล้ว

11) เปิดวาล์วท่อส่งน้ำดับเพลิง โดยพิจารณาจากสถานที่เกิดเหตุว่าอยู่ทางด้านกราบขวา หรือกราบซ้ายของรถดับเพลิง การเปิดวาล์วท่อส่งน้ำดับเพลิงใช้วิธีการหมุนวาล์วสีเขียวทวนเข็มนาฬิกา (ท่อทางส่งน้ำดับเพลิงมีจำนวน 4 ท่อ ส่งน้ำออกด้านซ้าย และขวา ด้านละ 2 ท่อ)

12) ปิดวาล์วระบายน้ำทิ้ง (ยกคันโยกขึ้นให้ทำมุม 90 องศากับแนวท่อน้ำทิ้ง)

13) เร่งเครื่องยนต์ให้ได้กำลังดันน้ำตามที่ต้องการ โดยการหมุนคันเร่งด้านท้ายรถทวนเข็มนาฬิกา (กำลังดันน้ำต้องไม่เกิน 10บาร์ หรือรอบเครื่องยนต์ต้องไม่เกิน 3,000 รอบ/นาที เนื่องจากสายส่งน้ำดับเพลิงมีขีดจำกัดในการทนต่อแรงดันน้ำ หากใช้แรงดันน้ำมากกว่านี้อาจจะทำให้สายส่งน้ำดับเพลิงแตกได้)

14) เมื่อปฏิบัติเมื่อเลิกใช้งาน ลดความเร็วรอบเครื่องยนต์ให้เดินเบา โดยการหมุนคันเร่งด้านท้ายรถตามเข็มนาฬิกา

15) ขึ้นไปนั่งประจำที่คนขับ เหยียบแป้นกดคลัทช์จนสุดระยะ และกดปิดสวิตช์ PTO บนแผงสวิชต์ด้านข้างคนขับเพื่อปลดเกียร์ปั๊ม (PUMP PTO)

16) รอประมาณ 3 วินาที จึงค่อยๆ ปล่อยแป้นกดคลัทช์ช้าๆ จนสุดระยะ

17) ลงจากรถเพื่อไปกดปิดสวิตช์หลักที่แผงควบคุมท้ายท้ายรถดับเพลิง (กดสวิตช์สีแดง)

18) ปิดวาล์วส่งน้ำจากถังน้ำดับเพลิงเข้าปั๊มน้ำดับเพลิง โดยการหมุนวงล้อปิดวาล์วน้ำสีดำ ในทิศทางตามเข็มนาฬิกา

19) เปิดวาล์วระบายน้ำทิ้ง (ดึงคันโยกลงให้ขนานไปกับแนวท่อน้ำทิ้ง)

20) ปิดวาล์วท่อส่งน้ำดับเพลิง ที่ใช้ส่งน้ำเข้าดับเพลิงในที่เกิดเหตุ


ข้อควรระวังในการใช้งาน

1) อย่าจอดรถในที่พื้นอ่อนนิ่ม เพราะอาจจะทำให้ล้อรถจมได้

2) หลีกเลี่ยงการจอดรถบนเชิงลาด หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ควรทำการหนุนล้อ

3) ควรเลือกจุดจอดที่รถสามารถเคลื่อนที่ออกไปได้ทันทีหากมีกรณีที่อาจจะไม่ปลอดภัย

4) เมื่อจะใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ในการดับเพลิง จะต้องเบรกมือทุกครั้ง หากไม่ดึงเบรกมือระบบจะไม่จ่ายกระแสไฟให้กับเครื่องมือและอุปกรณ์ ทำให้ไม่สามารถใช้งานได้

5) การเดินปั๊มสูบน้ำ (ปั๊ม PTO) ตัวเปล่าโดยที่ยังไม่ได้เปิดวาล์วให้น้ำในถังเก็บเข้าปั๊มได้ไม่เกิน 2 นาที หากเดินปั๊มตัวเปล่านานกว่านี้ อาจจะทำให้ปั๊มได้รับความเสียหายได้

6) หากไม่เปิดวาล์วส่งน้ำวนกลับถังในขณะที่น้ำยังไม่ออกจากปืนฉีดน้ำอาจจะทำให้ใบพัดภายในปั๊มน้ำได้รับความเสียหายได้

7) หากไม่ปิดวาล์วส่งน้ำวนกลับถังภายหลังจากที่น้ำออกจากปืนฉีดน้ำแล้ว จะมีผลทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานของปั๊มน้ำลดลง เป็นผลความแรง และระยะในการฉีดน้ำลดลงไปด้วย



ติดตามข่าวสาร และ ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ รถบรรทุกติดตั้งกระเช้าไฟฟ้า

ได้ที่ : P.I.E. Premium Modern Truck ขายรถบรรทุก

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม : P.I.E Premium Modern Truck




Hi, thanks for stopping by!

I'm a paragraph. Click here to add your own text and edit me. I’m a great place for you to tell a story and let your users know a little more about you.

Let the posts
come to you.

Thanks for submitting!

  • Facebook
  • Instagram
  • Twitter
  • Pinterest
bottom of page