การเตรียมตัวก่อนเข้าสู่วงการขับรถยนต์บรรทุก
ในการขับขี่รถบรรทุก มีข้อกำหนดกฎเกณฑ์ต่าง ๆ มากมายที่จำเป็นต้องรู้และจำให้ได้ ทาง PIE Premium Modern Truck จึงได้นำข้อมูล มาไว้สำหรับท่านที่มีความศึกษาการเตรียมตัวก่อนเข้าสู่วงการขับรถยนต์บรรทุกได้ศึกษากัน
1. ต้องมีใบอนุญาตในการขับขี่สำหรับการขับรถยนต์บรรทุก
ใบขับขี่ประเภท 2 จะถูกแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ 1.1. ใบอนุญาตขับรถทุกประเภท บ.2 คือ ใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถประเภทส่วนบุคคล คือ การอนุญาตให้สามารถขับขี่เพื่อขนส่งส่วนบุคคล 1.2. ใบอนุญาตขับรถทุกประเภท ท.2 คือ ใบอนุญาตประเภทให้สามารถขับขี่เพื่อขนส่งได้ทุกประเภท ทั้งใช้สำหรับการขับขี่ขนส่งเพื่อการค้า หรือ ธุรกิจส่วนตัว และใช้ขนส่งเพื่อรับจ้าง หรือประกอบธุรกิจการขนส่งได้ เช่น การขนส่งคน การขนส่งสิ่งของ เป็นต้น
– รถบรรทุกสาธารณะ (ท.2) เช่น รถบัส, รถบรรทุก 6-10 ล้อ ป้ายทะเบียนพื้นสีเหลือง
– รถบรรทุกส่วนบุคคล (บ.2) เช่น รถบัส, รถบรรทุก 6-10 ล้อ ป้ายทะเบียนพื้นสีขาว
2. มีความรู้เรื่องการจำกัดเวลา และพื้นที่วิ่งของรถบรรทุก
ด้วยสภาพการจราจรที่ติดขัดในพื้นที่กรุงเทพฯ จึงมีกฎหมายออกมากำหนด ห้ามรถบรรทุกวิ่งพื้นที่ชั้นใน ดังนี้
พื้นราบ
– ห้ามรถบรรทุกก๊าซ วัตถุไวไฟ ตั้งแต่ 6 ล้อขึ้นไปและรถพ่วงเดินรถในเขตกรุงเทพฯ ตั้งแต่เวลา 06.00-22.00 น. ทุกวัน เว้นวันอาทิตย์
– รถบรรทุก 6 ล้อขึ้นไป ห้ามวิ่งในเวลา 06.00 – 09.00 น. และ เวลา 16.00-20.00 น. ยกเว้นวันหยุดราชการ
– รถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไป ห้ามวิ่งในเวลา 06.00 – 10.00 น. และ เวลา 15.00-21.00 น. ยกเว้นวันหยุดราชการ
– ห้ามรถบรรทุกอื่น เช่น บรรทุกซุง เสาเข็ม เดินรถ เวลา 06.00-21.00 น.
ทางด่วน
– รถบรรทุก 6 ล้อขึ้นไป ห้ามเวลา 06.00-09.00 น. และ 16.00-20.00 น.
– รถบรรทุก 10ล้อขึ้นไป ห้ามเวลา 06.00-09.00 น. และ 15.00-21.00 น.
– รถบรรทุกสารเคมี ห้ามเวลา 06.00-10.00 น. และ 15.00-22.00 น.
3. น้ำหนักบรรทุก และพิกัดน้ำหนักตามกฎหมายกำหนดเป็นเรื่องที่สำคัญ
กฎหมายได้กำหนดไว้ ถ้าหากฝ่าฝืน มีน้ำหนักเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 ปี ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ยังไม่ถึงเรื่องที่อาจทำให้พื้นท้องถนนได้รับความเสียหายได้อีก
ตามประกาศกำหนดพิกัดน้ำหนักรถบรรทุกที่เริ่มใช้เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2557 ได้กำหนดน้ำหนักของรถบรรทุกรวมน้ำหนักรถไว้ว่า
– รถ 6 ล้อต้องบรรทุกน้ำหนักไม่เกิน 15 ตัน
– รถ 10 ล้อ ต้องบรรทุกน้ำหนักไม่เกิน 25 ตัน
– รถบรรทุกขนาด 4 ล้อ ต้องบรรทุกไม่เกินกว่า 9.5 ตัน
– รถพ่วง 6 เพลา 22 ล้อ ต้องบรรทุกหนักไม่เกิน 50.5 ตัน
4. ต้องมีผ้าคลุมแน่นหนา และมีอุปกรณ์ล็อค
ตามกฎหมายแล้วก็มีกำหนดระยะยื่นจากท้ายรถและความสูงเอาไว้ด้วย และสำหรับการคลุมนั้นจะต้องใช้ผ้าใบสีทึบ ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันการมีแสงสะท้อนสู่ผู้ขับขี่ร่วมทาง และผ้าคลุมต้องสามารถที่จะยึดสิ่งของให้แน่น เพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งของตกหล่น และถ้าหากรถบรรทุกฝ่าฝืนไม่คลุมผ้าใบทำให้มีของตกหล่น จะมีโทษปรับตาม พ.ร.บ.การขนส่งทางบก พ.ศ.ศ 2522 มาตรา 32 (3) ว่าตัวเจ้าของบริษัทผู้ประกอบการมีโทษปรับสูงสุด 50,000 บาท และนายทะเบียนอาจพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาต ส่วนคนขับมีโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท และหากเกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น ผู้ประกอบการต้องชดใช้ตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์อีกด้วย (อ้างอิงจาก กรมการขนส่งทางบก)
5. ติดตั้งแผ่นสะท้อนแสงไว้
สำหรับแผ่นสะท้อนแสงนั้น จะทำหน้าที่สะท้อนแสง กับไฟหน้าของรถคันอื่น ๆ เพื่อช่วยในการมองเห็นได้ดีในตอนช่วงเวลากลางคืน และควรติดให้ถูกตำแหน่ง โดยมีการประกาศนี้บังคับใช้กับรถบรรทุกที่มีจำนวนเพลา ล้อและยาง ตั้งแต่ 2 เพลา 4 ล้อ ยาง 6 เส้น ขึ้นไป (รถสิบล้อขึ้นไป) ยกเว้นรถลากจูง หากฝ่าฝืนจะผิด พรบ.ขนส่งทางบก โดยมีโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 5 หมื่นบาท
6. ทำการติดตั้ง GPS และเปิดตลอดเวลา
ตามกฎหมายใหม่ที่เริ่มบังคับใช้อย่างจริงจังในปี พ.ศ. 2562 สำหรับเรื่องการติดตั้ง GPS Tracker ของรถบรรทุก ซึ่งกรมการขนส่งทางบกมีการกำหนดให้ รถเมล์หรือรถทัวร์ (รถโดยสารสาธารณะ), รถลากจูง, รถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไป ทุกคันจะต้องติดตั้งระบบ GPS ก็เพื่อที่จะเชื่อมโยงข้อมูล กับศูนย์บริหารจัดการเดินรถของภาครัฐ ทำให้สามารถติดตามพฤติกรรมการขับขี่แต่ละคันได้ หากไม่ติดตั้งเครื่องนี้ หรือไม่ดูแลรักษาสภาพเครื่องให้ส่งสัญญาณ GPS ได้ตามปกติ ตัวผู้ขับขี่เองมีโทษ ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดว่าด้วยความปลอดภัยในการขนส่งตามกำกระทรวง มีโทษปรับตั้งแต่ 1,000 – 5,000 บาท
7. เช็คน้ำมันให้เพียงพอสำหรับระยะทาง
ลดการเข้าจอดเทียบเพื่อเติมน้ำมันรอบใหม่ ในแต่ละครั้งนั้นที่ทั้งกินเวลา และมีการต้องต่อคิวที่ใช้เวลานาน
Comments