มาสังเกตอาการผิดปกติของรถ ที่ต้องรีบแก้ก่อนจะสายกันเถอะ!
ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์หรือรถบรรทุกนอกจากต้องใส่ใจและดูแลรักษาเพื่อยืดอายุการใช้งานแล้ว ยังต้องมีการหมั่นสังเกตอาการผิดปกติต่าง ๆ ของรถ เพื่อให้เราสามารถจะได้แก้ไขก่อนที่จะสายไปจนรถคู่ใจนั้นพังไปซะก่อน ทั้งนี้ยังเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่บนท้องถนนอีกด้วย ถ้าหากเราไม่ได้ใส่ใจดูแลและเกิดปัญหาขึ้นขณะที่ขับขี่อยู่อาจก่อให้เกิดอันตรายได้ ดังนั้นวันนี้ P.I.E Premium Modern Truck จะพาทุกคนไปสังเกตอาการผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นได้ในการทำงานส่วนต่าง ๆ บนรถไปพร้อม ๆ กัน
เครื่องยนต์
ที่เป็นหัวใจหลักในการทำงานทั้งหมดของรถยนต์และบรรทุก เมื่อเกิดอาการผิดปกติหรือเสียหายขึ้นมาย่อมส่งผลเสียต่อการทำงานทั้งหมดตามมาด้วย ความผิดปกติต่าง ๆ เช่น การเกิดเสียงดังผิดปกติออกมา เครื่องเกิดอาการเร่งไม่ขึ้น เครื่องสั่นจนผิดปกติ หรือความผิดปกติที่ส่งออกมาภายในตัวรถ มีควันสีขาวออกมาจากท่อไอเสีย มีน้ำมันหยดจากตัวเครื่อง ทั้งหมดเป็นอาการที่จะทำให้เรารู้ได้ว่าเกิดเสียหายที่อยู่ภายในตัวเครื่องยนต์ จึงต้องนำรถเข้าไปตรวจสอบที่ศูนย์บริการอย่างเร็วที่สุด
ระบบบระบายความร้อน ระบบทำความเย็นของหม้อน้ำ
หน้าที่ของหม้อน้ำจะช่วยควบคุมความร้อน - เย็นทั้งหมดของรถ ดังนั้นความผิดปกติจะมาจากความร้อนที่มากเกินไป แม้จะขับออกมาไม่ไกล หรือความเย็นจัดมากเกินไป แม้จะขับออกมาไกลมากแล้ว เมื่อเกิดอาการทั้งหมดนี้ควรจะเช็คเบื้องต้นที่ปริมาณหม้อน้ำก่อน และควรหมั่นจะเช็กอื่น ๆ เสมอทุกครั้งก่อนจะออกเดินทาง
เบรกรถ
เบรกจะมีส่วนสำคัญในยามที่ขับขี่รถ ดังนั้นถ้าหากว่ามีความผิดปกติขึ้นมาและส่งผลต่อการทำงานที่ไม่ปกติจะทำให้การขับขี่นั้นไม่มีความปลอดภัยได้ จะต้องหมั่นสังเกตถึงอาการที่จะเกิดขึ้นเพื่อให้แก้ไขได้ทันเวลา อาการผิดปกติอย่างเช่น เบรกจมลึกแม้จะยกเท้าขึ้นมาแล้ว การเบรกไม่อยู่ เบรกมีความลื่น หรือที่อันตรายขึ้นมาคือการเบรกแล้วมีการปัดของตัวรถ จะต้องรีบไปเช็กที่ศูนย์บริการอย่างละเอียดที่สุด
เกียร์รถ
ความแรงบิดของรถจะทำงานให้เหมาะสมกับความเร็วด้วยการทำงานของเกียร์รถนั่นเอง อาการที่ผิกปติของเกียร์รถอย่างเช่น มีเสียงดังเกิดขึ้นเวลาที่เข้าเกียร์หรือแม้กระทั่งเวลาที่เกียร์ว่าง ต้องนำเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจสอบด้วยผู้รู้อย่างละเอียด
ระบบไฟฟ้าภายในของรถ
ระบบไฟฟ้าทั้งหมดของรถ รวมถึงไฟแบตเตอรี่ ระบบที่จ่ายไฟของรถ สังเกตง่าย ๆ อย่างอาการผิดปกติที่เกิดจากแบตเตอรี่ไม่เพียงพอก็คือสตาร์จไม่ติดหรือทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ นั่นแปลว่าเริ่มมีปัญหาจำเป็นต้องรีบเช็กและเปลี่ยนหรือชาร์จแบตเตอรี่นั่นเอง
สัญญาณไฟต่าง ๆ ของรถ
สัญญาณไฟต่าง ๆ เช่นไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเบรกและไฟฉุกเฉินที่จะทำหน้าที่เป็นการส่งสัญญาณให้รถคันอื่น ๆ ในเวลาที่เราทำการขับขี่อยู่บนถนนท้อง ในบางครั้งเราก็ไม่ได้สังเกตความผิดปกติว่าไฟติดทุกดวงหรือไม่ อาจจะก่อให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้
สัญญาณไฟบนหน้าปัด
ในเวลาที่ระบบภายในรถต่าง ๆ มีปัญหาสามารถดูได้ที่ไฟบนหน้าปัดรถ ที่จะบอกให้ทราบคร่าว ๆ แล้วต้องทำการเช็คตามสัญญาณไฟอย่างละเอียดด้วยผู้เชี่ยวชาญ เช่นปัญหาแบตเตอรี่ จะขึ้นสัญญาณไฟเตือนรูปแบตเตอร์รี่ เป็นต้น
พวงมาลัยรถ
อาการผิดปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้เช่น บังคับทิศทางยากมีความหนักขึ้น อาการนี้สามารถแก้ไขเบื้องต้นด้วยการใช้น้ำมันหล่อลื่นที่พวงมาลัย หรือ เกิดอาการสั่นผิดปกติ อาจจะต้องมีการเช็คเพิ่มเติมเนื่องจากอาจจะเกิดอาการผิดปกติมาจากความเสียหายส่วนอื่น ๆ ของรถ
ยางรถ
อย่างที่พูดกันอยู่บ่อย ๆ ว่ายางรถเป็นเหมือนฐานหรือเท้าที่จะพาขับเคลื่อนที่รถไปได้ ดังนั้นต้องหมั่นเช็คอยู่ตลอดว่ามีอาการผิดปกติเกิดขึ้นหรือไม่ เช็คสภาพของหน้ายาง ดอกยาง อาการบวมนูน รอยแตกและรูรั่ว ต่าง ๆ ซึ่งอาจจะนำไปสู่การระเบิดของยางรถได้
Comments